พระพุทธเจ้าให้เอา “ปัญญา” ขึ้นก่อน เมื่อมีปัญญาแล้ว จะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี
***เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว***
พระองค์ให้เอา "ปัญญา" ขึ้นก่อน
เมื่อมี "ปัญญา" แล้ว จะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี
“ศีล” ก็เกิดขึ้น ตามมา
เมื่อศีลเกิดขึ้น จิตใจก็สงบ ผ่องใส สมาธิเกิด
จะเห็นได้ว่า “ศีล” “สมาธิ” เป็นผลพลอยได้
ที่เกิดจาก ปัญญาก่อน เรียกว่า สัมมามรรค
สมาธิ เป็นปัจจัยของ ความสงบ
วิปัสสนา เป็นปัจจัยให้เกิด “ปัญญา”
“ศีล สมาธิ ปัญญา” เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์
หลังจากที่พระพุทธเจ้า ออกบวชครั้งแรก
พระองค์ได้ไปศึกษาเรียนรู้กับ อาจารย์ที่เป็นพราหมณ์
จนได้บรรลุฌาน สูงสุด ที่เรียกว่า #ฌานอภิญญา#
หูทิพย์ ตาทิพย์ เหาะเหิน เดินอากาศได้.....
แต่พระองค์ไม่สามารถดับทุกข์ไม่ได้
พระองค์เห็นว่า ไม่ใช่ทางดับทุกข์
พระองค์จึงลาอาจารย์ทั้งสอง มาศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวพระองค์เอง
ด้วยการลองผิดลองถูก ....จนได้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติ
เป็น วิปัสสนาภาวนา
โดยการพิจารณาความจริงของธรรมชาติทั้งหมด
ในที่สุดก็ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
กฎธรรมชาติ ๒ กฎ คือ....
*กฎที่ ๑. ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ หรือโลกไหน ๆ
รวมทั้งชีวิตของเรา ทั้งหมด อยู่ในกฎนี้.....
*และกฎที่ ๒. กฎของเหตุปัจจัย หรือ อิทัปปัจจยตาปกิจจสมุปบาท
ในโลกนี้หรือโลกไหน ๆ รวมทั้งชีวิตของคนเรา
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ หรือบังเอิญ
มีเหตุปัจจัย มาประชุมกันชั่วคราว
ให้เกิด ก็เกิด ให้ตั้งอยู่ ก็ตั้งอยู่
ให้แตกสลาย ก็แตกสลาย
นี่คือความจริงของโลกและชีวิต ข้อที่ ๒...
*สรุป กฎธรรมชาติ ๒ กฎนี้ว่า #ไม่เที่ยงเกิดดับ#
“ไม่เที่ยงเกิดดับ” คือ กฎธรรมชาติ ๒ กฎ
ที่ตั้ง เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระพุทธเจ้า
ซึ่งพระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง....
พระองค์จึงได้ เรียงลำดับองค์ธรรม คือ การศึกษาฝึกปฏิบัติธรรมใหม่ว่า
"ปัญญา ศีล สมาธิ"